วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

น้ำพริก.....อร่อย2..บอลสเต็ป

มาพูดถึงตำรา น้ำพริกเล่มนี้ก่อนดีกว่าค่ะบอลสเต็ป ในคำนำในหน้าหนังสือนี้ พูดถึงว่า การกินน้ำพริกนั้นนับเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งทีเดียว เพราะคนที่กินน้ำพริกต้องรู้ว่าจะเอาอะไรจิ้มน้ำพริก แต่โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ทราบเป็นที่แน่ชัดค่ะ กินตามที่เขาจัดมาให้ โดยอนุมานเอาว่าสิ่งที่เขาจัดมานั้นคือสิ่งที่เขาใช้กินคู่กัน อีกหน่อยไม่แน่นะคะ ในโรงเรียนอาจจะมีวิชา น้ำพริกบริโภคศาสตร์ โดยมีคำถาม เช่นว่า น้ำพริก ปลาร้า นั้นควรกินคู่กับอะไร แบบนี้เป็นต้น ตำรายังได้กล่าวถึงรสชาติของน้ำพริกไว้ว่า โดยทั่วไปแล้ว จะมีรสเผ็ดนำ รสเค็มตาม แต่ภาคกลางนั้นจะเพิ่มรสเปรี้ยวลงไปด้วย ดิฉันก็มานั่งนึกดู ก็เห็นจะจริง ปกติ เวลาอยู่ทางเหนือ น้ำพริกอ่อง ที่ดิฉันเคยรับประทาน ก็จะมีรสเผ็ดนำ รสเค็มตาม แต่ว่า ค่อนข้างหวาน ไปในที แบบนี้จะเรียกว่าผิดสูตร น้ำพริกรึเปล่าก็ไม่ทราบนะคะบอลสเต็ป น้ำพริกหนุ่มนั้น ก็อร่อยเหลือใจ ทานกับแคบหมู ผักต้ม นานาชนิด เผ็ดจนบางครั้งน้ำตาเล็ด น้ำพริกจิ๊กกุ่ง (จิ้งหรีด) ก็มีส่วนผสมของ ตัวจิ้งหรีดต้มสุขแล้วค่ะ ตัวจิ้งหรีดนี้เอามาทอดกรอบก็อร่อยได้ระดับอาหารฮ่องเต้ เชียวล่ะค่ะ น้ำพริกน้ำปู สีจะออกดำๆ ใส่พริกชี้ฟ้าหรือ ที่ทางเหนือเรียก พริกหนุ่มนั่นล่ะค่ะ เผ็ดถึงใจ สีไม่สวย แถมรสชาติออกเค็มๆ ทานกับหน่อไม้ต้ม ผักต้ม อีกเช่นเคย แต่ส่วนผสมของน้ำปู นี่ดิฉันเอง ก็จนใจว่า ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เพราะปกติที่เห็นขายคือ ใส่ถุงๆ หรือใส่กระปุกสีดำๆ เหมือน กะปิ ค่ะ ไม่ได้เหลว บางคนชอบนำมาจิ้มกับฝักมะขามอ่อน ดิฉันทดลองดูแล้ว ก็ เรียกว่าใช้ได้ค่ะ อร่อยไปอีกแบบ ถ้าคุณลองครั้งหนึ่ง ถ้าไม่ชอบไปเลยก็คงเกลียดไปเลย น้ำพริกแมงดาบอลสเต็ป สำหรับดิฉันแล้ว อร่อยค่ะ แต่ หลายๆ คนจะรับประทานไม่ได้ แค่ได้กลิ่นก็จะพาลให้แน่นหน้าอก กันหมด จะเป็นลมเอาได้ง่ายๆ แต่ ดิฉันเลี้ยงง่ายค่ะ ขอมีเพียงน้ำพริกตาแดง หมูทอด ผักดอง เท่านี้ ก็อร่อยและอิ่มแล้วค่ะ กลับมาที่ตำราน้ำพริกกันดีกว่าค่ะ ถ้าหากสนใจเรื่องอาหารการกินแล้วล่ะก็ไม่น่าพลาดที่จะหามาอ่าน กันนะคะ ตำราเล่มก็ได้พูดถึงนิยายสั้นๆเกี่ยวกับอาหารไทยอีกแน่ะอ่านแล้วก็รู้สึกชื่นชมท่านผู้แต่งเป็นอย่างยิ่ง หลายท่านคงเคยได้ยินได้ฟังนิยายอาหรับราตรี เรื่องหนึ่งทิวาพันราตรีมาบ้างแล้วในเรื่องนั้นกาหลิบได้เอาสาวๆมาร่วมหลับนอนคืนละหนึ่งคน พอรุ่ขึ้นก็ประหารชีวิตแต่เผอิญมีสาวเจ้านางหนึ่งฉลาดเหลือเกิน ยืดชีวิตของตนเองไม่ให้ถูกประหาร โดยการเล่านิทานให้กาหลิบฟัง นิทานมักจะถึง ตอนสำคัญๆ เมื่อรุ่งสาง กาหลิบเอง ก็นั่นล่ะค่ะ อยากฟังต่อให้จบนี่คะ เรื่องกำลัง มันส์ ก็ต้องเก็บ ชีวิต สาวเจ้าไว้ก่อนเพื่อให้เล่าต่อในคืนต่อไป ทีนี้ย้อนมาถึงกษัตริย์ไทยบ้าง อยากจะดูว่าสาวไทยฉลาดๆ แบบสาวแขกนั้น มีบ้างไหม จึงใช้นโยบายเดียวกัน ก็เผอิญมีสาวน้อยนางหนึ่งนามสมมุติว่า มรว ทับทิม ( มรว = แม่เรียกว่า) ก็คิดอุบายที่จะไม่ให้ถูกประหารชีวิตในวันรุ่งขึ้น จึงได้เล่าตำรา กับข้าวไทยให้กษัตริย์ฟังก่อนนอน เริ่มต้นที่น้ำพริกก่อน แต่ละคืนสาวเจ้าก็จะบรรยายการตำน้ำพริกว่าา ต้องงมีเครื่องปรุงมีกี่อย่าง อะไรบ้าง แต่ละอย่างต้องเลือกเอาลักษณะที่ดี และลักษณะที่ดีต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต่อไปก็วิธีการปรุงจะหยิบอะบอลสเต็ปไรใส่ครกก่อนหลัง การโขลกจะต้องมีจังหวะอย่างไร โขลกให้เครื่องปรุงแหลกหรือแค่พอบุบๆก็พอ ต่อไปก็ปรุงรส ด้วยอะไรบ้าง เช่น น้ำปลา มะนาว ฯลฯ ซึ่งแต่ละอย่างก็ต้องเลือกสรรน้ำพริกนี้จะต้องกินกับอะไร จึงจะเหมาะ เช่น ให้กินกับปลาดุกฟู หรือปลากรอบ โดยปิ้งซะก่อนแล้วหักเป็นชิ้นเล็กๆทอด ส่วนผักนั้นก็ป็นผักประเภทมะเขือ แตงกวา ช่อมะม่วง ช่อมะกอก ผักชี บวบ กระเจี๊ยบ หน่อไม้ เหล่านี้ กษัตริย์ได้ฟังแล้วก็เอ่ยว่า เอ้า! พรุ่งนี้ตำให้กินซักครกนึงนะ ก็เป็นอันว่าสาวน้อยคนนี้ ก็รอดตายไปอีกวันหนึ่ง พอคืนวันถัดมาก็บรรยายน้ำพริกอีกชนิดนึง อย่างนี้ไปเรื่อยๆจนแก่เฒ่า ก็แสดงว่าสูตรน้ำพริกของไทยนั้นมีมากมาย แล้วแต่จะพลิกแพลงปรุงแต่งตามใจชอบ ข้าพเจ้า รู้สึกว่าหาก สาวเจ้านางนั้นมีตัวตนจริงก็ควรได้ชื่อว่าเป็น มารดาแห่งน้ำพริกไทยแน่แท้ และต้องจัดงานวันน้ำพริกแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นเกียรติเป็นแน่แท้ เอาล่ะค่ะ มาถึงตรงนี้แล้ว หากท่านใดมีสูตร น้ำพริก อร่อยๆ อย่าลืมนะคะ ขอเผื่อแผ่ ให้ดิฉัน บ้างค่ะบอลสเต็ป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น